Apple ปัด ไม่สน iPhone Nano |
|
Apple ปัด ไม่สน iPhone Nano |
|
ภาพบรรยากาศการเปิดตัว iPhone 3G ในไทยอย่างเป็นทางการ |
|
สำหรับใครที่ใช้ true wifi อยู่ คงจะเจอกับปัญหาที่ต้องเชื่อมต่อใหม่ทุกๆ 90 นาที พยายามหาโปรแกรมที่ทำให้เชื่อมต่อ true wifi ได้อัตโนมัติหลังจากหมดเวลาลง และไปเจอโปรแกรมหนึ่ง จึงได้ดาวน์โหลดมาใช้งาน แต่ก็ยังไม่สามารถเชื่อมต่อ true wifi ได้แบบอัตโนมัติ "แต่วันนี้หาวีธีได้แล้ว" เพื่อนๆลองมาดูกัน..
หลังจากต้องคอยเสียเวลานั่งเชื่อมต่อเน็ต true wifi ใหม่ทุกๆ 90 นาทีมานาน จนกระทั่งวันนี้ ก็คิดหาวิธีใหม่ ก็คิดได้ว่า firefox มี addons ที่ชื่อ Greasemonkey เอาไว้รัน script ของเราเอง และคิดว่าคงมีคนเขียน script auto login เอาไว้แน่ๆ ก็เลยลองทดสอบดู ผลที่ได้ก็คือสามารถใช้ script auto login กับหน้า login ของ true wifi ได้ ก็เลยเขียน batch script เอาไว้รันแบบอัตโนมัติด้วย Scheduled tasks
หลักการของ script ที่เขียนขึ้นจะอาศัย Scheduled tasks เอาไว้เรียกไฟล์ .bat หลังจากที่หมดเวลาการเชื่อมต่อของ true wifi แล้ว ในไฟล์ .bat ก็จะไปเรียกโปรแกรม devcon.exe เพื่อ disable/enable wireless lan ที่ใช้เชื่อมต่อกับ true wifi หลังจากที่ disable/enable แล้วก็จะเรียก url สำหรับหน้า login ของ true wifi เมื่อเข้าไปหน้า login แล้ว addons ของ firefox ที่ชื่อ greasemonkey จะเรียก script สำหรับ auto login ขึ้นมาทำงาน วิธีการนี้อาจจะไม่ง่ายดายเหมือนการใช้โปรแกรมเข้าช่วย แต่ก็ใช้งานได้จริง
โปรแกรมที่ต้องใช้
1. Firefox ที่ติดตั้ง Greasemonkey และ Autologin เอาไว้สำหรับเปิดหน้า login ของ true wifi และตั้งให้เป็น Default browser จะใช้ browser ตัวอื่นไม่ได้
2. devcon.exe เอาไว้สำหรับ Disable/Enable WLAN
3. Scheduled tasks เอาไว้เรียกไฟล์ .bat ที่เราสร้างขึ้น ตามช่วงเวลาที่เรากำหนด
ขั้นตอนการใช้งาน Script
1. ติดตั้ง Addons ของ firefox ที่ชื่อ Greasemonkey หลังจากติดตั้ง greasemonkey เสร็จแล้ว ให้ติดตั้งAutologin script การติดตั้งให้เปิดลิ้งค์ดังกล่าวด้วย firefox แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Install
2. ดาวน์โหลดไฟล์ truewifi.zip แล้วแตกไฟล์ไว้ที่ drive C: ในโฟล์เดอร์ C:\truewifi ก็จะมีไฟล์สองไฟล์คือ truewifi.bat กับ devcon.exe หลังจากนั้นให้คลิ๊กขวาที่ไฟล์ truewifi.bat เพื่อแก้ไข device id ให้ตรงกับการ์ด wlan ที่ใช้อยู่ สำหรับการหา device id ให้เข้าไปที่ Control panel->Administrative tools->Computer management แล้วเลือก Device manager->Network adapters แล้วคลิ๊กขวาที่การ์ด wlan ที่ใช้เชื่อมต่อกับ true wifi แล้วเลือก Properties เลือกที่ tab Details ดังรูปที่ 1. (ด้านล่าง) device id ของการ์ด wlan ก็คือ DEV_4227
*@* นำ device id ที่ได้ไปแทน device id เดิมในไฟล์ truewifi.bat ตรง *PID_2573* สามารถแก้ไขไฟล์ .bat ได้โดยการคลิ๊กขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Edit เมื่อแก้ไขเสร็จก็บันทึกไฟล์ดังกล่า
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
@ echo off @
::echo devcon disable *PID_2573*
C:\truewifi\devcon.exe disable *DEV_4227*
::echo devcon enable *PID_2573*
C:\truewifi\devcon.exe enable *DEV_4227*
:: Wait for renew ip, delay 40 seconds
ping 127.0.0.1 -n 40
:: Open login url
C:\truewifi\truewifi.url
:: Wait for first redirect, delay 10 seconds
ping 127.0.0.1 -n 10
:: Open login url and login with Greasemonkey's Auto login script
C:\truewifi\truewifi.url
::pause
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
3. ต่อไปเป็นการสร้าง url shortcut เพื่อเรียกหน้า login จาก batch file โดยเริ่มจาก เปิดหน้า login ของ true wifi ขึ้นมา เสร็จแล้วกรอก User, Password ให้ครบถ้วน หลังจากนั้นคลิ๊กขวาที่รูปลิง(น้อย) ทางขวามือด้านล่าง แล้วเลือกที่ User script commands->Create autologin from form ดังรูปที่ 2. (ด้านล่าง)
*@* หลังจากนั้นจะได้ url สำหรับ autologin นำ url ดังกล่าวไปสร้าง url shortcut แล้วบันทึกไว้ที่ C:\truewifi\truewifi.url สำหรับขั้นตอนการสร้าง url shortcut ทำได้โดยคลิ๊กขวาที่ว่างในโฟล์เดอร์ C:\truewifi แล้วเลือก New->Shortcut แล้วใส่ url และชื่อ shortcut ดังรูปที่ 3. (ด้านล่าง)
*@* ถ้าทำมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว เราสามารถทดสอบความถูกต้องได้โดยการรันไฟล์ C:\truewifi\truewifi.bat ถ้า login true wifi อยู่แล้วให้ logout ก่อนโดยพิมพ์ http://logout./ ที่ช่อง address bar ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด Script ที่เขียนขึ้นจะเรียกไฟล์ C:\truewifi\truewifi.url สองครั้ง ครั้งแรกจะถูก redirect ไปที่ Google แล้ว redirect กลับมาที่หน้า login ครั้งที่สองจะเป็นการ login จริงๆ โดย Autologin script จะทำการ login ให้เราอัตโนมัติ
4. ขั้นตอนต่อไปเป็นการสร้าง Scheduled tasks เพื่อให้ login เองอัตโนมัติหลังจากหมดเวลาลง ให้เข้าไปที่ Control panel->Scheduled tasks แล้วคลิ๊กที่ Add scheduled task แล้วทำตามขั้นตอนดังรูป 4. (ด้านล่าง)
*@* สำหรับการกำหนดเวลาการทำงานของ Scheduled task ให้คำนวณจากเวลาที่เรา Login ครั้งแรก เช่น ถ้าเรา login true wifi ครั้งแรกเวลา 13:00 จะหมดเวลาที่ 14:30 (คิดที่ 90 นาที) ให้เรากำหนดเวลาเริ่มทำงานของ Scheduled task เป็น 14:35 โดยเผื่อระยะเวลาให้มากกว่า 90 นาที ในตัวอย่างนี้เราจะเผื่อเวลาเอาไว้ 5 นาที ดังรูปที่ 5. (ด้านล่าง)
*@* ตรง Tab Schedule ให้คลิ๊กที่ Advanced แล้วทำเครื่องหมายในช่อง Repeat task แล้วกำหนดระยะเวลาเป็น 95 นาที ตรงนี้ต้องกำหนดให้มากกว่า 90 นาทีเสมอ ดังรูปที่ 6. (ด้านล่าง)
*@* หลังจากนั้นก็เปิดเครื่องทิ้งไว้ เพื่อทดสอบการทำงานของ Script ว่าทำงานถูกต้องหรือไม่ ทดสอบโดยการเปิดเครื่องไว้คืนหนึ่งแล้วมาดูตอนเช้า ผลก็คือยัง login อยู่ สามารถใช้งานอินเตอร์เนตได้ตามปกติ เครื่องที่ใช้ทดสอบใช้ windows xp และยังไม่ได้ทดสอบกับ windows vista นะ ถ้าใครต้องการทดสอบกับ vista ต้องดาวน์โหลดโปรแกรม devcon.exe สำหรับ vista มาแทนตัวเดิมก่อนคะ
ผมเขียนเรื่องนี้ไว้ใน รีวิว Windows 7 Beta ตอนที่ 1 บ้างแล้ว แต่วันสองวันที่ผ่านมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศ 2 แห่งมีบทความเปรียบเทียบ Taskbar อันใหม่ของ Windows 7 กับ Dock ของ Mac OS X โดยมิได้นัดหมาย
Gizmodo
ที่แรกคือ Gizmodo มาแรงเต็มเหนี่ยว พาดหัวว่า Giz Explains: Why the Windows 7 Taskbar Beats Mac OS X's Dock ซึ่งผลก็ไม่น่าแปลกใจว่ามีผู้ใช้แมคเข้ามาคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก (ขณะที่เขียนมี 135 หน้า กับอีก 1693 diggs)
เหตุผลที่ Gizmodo บอกว่า Taskbar ของ Windows 7 ดีกว่าก็มีเรื่องหน้าตาและการแสดงผล เช่น ดูว่ามีโปรแกรมอะไรรันอยู่ได้ง่ายกว่า, ความสามารถในการจัดการหน้าต่าง (เช่น ปิด หรือแอบดูผ่าน Aero Peek) ได้จาก Taskbar เลย ซึ่ง Dock ไม่มี
อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องของ Taskbar ใหม่คือสามารถเอาโฟลเดอร์ไปใส่ได้เพียงอันเดียว (เพราะมันจะซ้อนกัน) ทำให้คนที่ต้องการทำช็อตคัตให้โฟลเดอร์หลายๆ อันบน Taskbar ไม่สามารถกดได้สะดวก
Gizmodo บอกว่านี่เป็นการเปรียบเทียบเฉพาะ Taskbar กับ Dock เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย เช่น notification area (system tray) ของวินโดวส์ และ Expose/Space ของแมค
Ars Technica
ส่วนอันที่สองคือ Ars Technica จะเป็นวิชาการกว่ามาก โดยย้อนไปถึงแนวคิด window = application ของวินโดวส์ และ window = document ของแมค รวมไปถึงแนวคิดเรื่อง SDI vs MDI ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความแตกต่างของ Taskbar ใหม่กับ Dock ถึงแม้ว่าหน้าตามันจะคล้ายกันก็ตาม
Ars บอกว่าแรกเริ่มเดิมที Taskbar ที่ถือกำเนิดใน Windows 95 นั้นเป็น application switcher เต็มตัว แต่ก็กลายพันธุ์มาเรื่อยๆ เช่น เพิ่ม Quicklaunch (ถือเป็น application launcher) เข้ามาใน Windows 98 หรือเพิ่มการรวมกลุ่มปุ่มเข้ามาใน Windows XP (แก้ปัญหาหน้าต่างมีจำนวนมากๆ แต่ก็ก่อปัญหารูปแบบของปุ่มไม่คงที่)
ส่วน Taskbar แบบใหม่ของ Windows 7 เข้ามาแก้ปัญหา 2 อันนี้ (รวม application launcher กับ application switcher เป็นหนึ่งเดียวกัน และระบบพรีวิวหน้าต่างกับ Aero Peek แก้ปัญหา SDI vs MDI ซึ่งอันนี้ต้องพึ่งฝั่งแอพพลิเคชันด้วย อย่างเช่น IE8 และ Windows Live Messenger ที่รองรับแล้ว แต่ Office 2007 ยังไม่รับ)
Ars พูดถึงแนวคิดของ Dock ว่าฝั่งซ้ายของ Dock นั้นไปได้ดีกับวิธีคิด window = document ของแมค (Dock = application switcher คือสลับโปรแกรม ไม่เกี่ยวกับหน้าต่าง ถ้าอยากสลับหน้าต่างหรือ document ให้ใช้ Expose) แต่ฝั่งขวาของ Dock ซึ่งรวมของอื่นๆ ค่อนข้างมั่วทีเดียว
นอกจากนี้ Ars ยังกล่าวถึงข้อเสียของทั้ง Taskbar ใหม่และ Dock ที่มีร่วมกัน เช่น ไม่มีข้อความบนปุ่ม ทำให้การแจ้งเตือนสถานะของโปรแกรมทำได้ยากขึ้น เป็นต้น
ป.ล. สำหรับคอมเมนต์ของโพสต์นี้ จะเชียร์ข้างไหนก็ตามสบายครับ ขอแค่ว่าได้ลองใช้ Taskbar ใหม่ของ Windows 7 จริงๆ (ไม่ใช่แค่อ่าน) เสียก่อนละกัน
เว็บ Social Networking อย่าง iMeem เคยเป็นเว็บที่ผู้ใช้สามารถอัพโหลดข้อมูลต่าง ๆ ฟรี จากการที่มีโฆษณาในเว็บมาคอยสนับสนุน แต่ตอนนี้ iMeem จะเริ่มคิดเงินผู้ใช้ที่อัพโหลดเพลงและวีดีโอแล้ว ด้วยราคาต่อไปนี้ต่อปี:
สำหรับการอัพโหลดรูป iMeem จะยังไม่มีการคิดค่าบริการแต่อย่างใด
ทาง PR ของ iMeem เองได้บอกว่าบริษัทพยายามจะหารายได้เข้าบริษัทไปพร้อม ๆ กับทำให้เว็บดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ ทาง C|net ได้ออกมาตีความให้ง่าย ๆ ว่าถึงเวลาหาเงินแล้ว
ดูเหมือนยุคเศรษฐกิจนี้จะมีผลมากพอสมควร สำหรับผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ฟรีแต่มีต้นทุน ก่อนหน้านี้ Pandora สถานีวิทยุออนไลน์ก็ได้เริ่มยัดโฆษณาเข้ามา เช่นกันกับ iTunes ที่เพลงฮิตเพลงใหม่มีราคาที่สูงขึ้น แม้ว่าเพลงเก่าในฐานข้อมูลเพลงส่วนใหญ่นั้นมีราคาที่ถูกลงก็ตาม
ที่มา - C|net
รัฐบาลฟิลิปินส์ประกาศว่ามีคนหนึ่งคนอย่างน้อยที่ให้ผลบวกต่อการตรวจเชื้อไวรัส Ebola-Reston ซึ่งโรคได้ระบาดและทำลายฟาร์มสุกรไป 2 แห่งในทางเหนือของเมืองหลวง ซึ่งมีความเสี่ยงเล็กน้อยแต่รัฐบาลก็ยังมีความวิตกกังวลว่าโรคจะข้ามมาติดสู่มนุษย์
ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก, องค์การอาหารและเกษตรกรรม, องค์การสุขภาพสัตว์และหน่วยงานสหประชาชาติทั้งหมดได้ลงไปทำการทดสอบภาคสนามเป็นเวลา 10 วันในฟาร์ม 2 แห่งดังกล่าวเป็นเวลากว่าอาทิตย์หลังจากพบเชื้อ Ebola-Reston ในปีที่แล้ว
นี้เป็นครั้งแรกที่ไวรัสนั้นถูกค้นพบนอกจากสัตว์ประเภทลิงและเป็นครั้งแรกที่พบในหมู เชื้อไวรัสนั้นได้ข้ามจากลิงสู่มนุษย์มาแล้วและนี้ก็เป็นกรณีแรกที่เชื้อไวรัสติดจากสุกรสู่มนุษย์ มีคนงาน 50 คนอย่างน้อยในฟาร์ม 2 แห่งที่ได้สัมผัสกับเชื้อไวรัส แต่มีคนงานเพียงคนที่เดียวที่ให้ผลตรวจเชื้อเป็นบวก ซึ่งคนงานดังกล่าวยังไม่มีอาการของโรคใด ๆ
ผู้เชี่ยวชาญมีความวิติกกังวลในการข้ามการติดต่อโรคจากหมูมาสู่มนุษย์ ถ้าสายพันธุ์ของไวรัส Ebola-Reston นั้นยังไม่ใช่สายพันธุ์มรณะเหมือนสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคนี้ ซึ่งสามารถทำให้เกิดไข้เลือดออกที่รักษาไม่ได้และมีอัตราการเสียชีวิตตั้งแต่ 25-90%
การข้ามสายพันธุ์ของการติดเชื้อนั้นเป็นสิ่งที่วิตกกังวลตลอดเวลา ถ้ามันเกิดขึ้นต่อเนื่องไวรัสจะสามารถปรับตัวต่อร่างกายมนุษย์หรืออาจกลายพันธุ์จนสามารถแพร่ระหว่างมนุษย์เองได้ อย่างไรก็ตามกรณีการติดเชื้อไวรัส Ebola Reston ในอดีตนั้นก่อให้เกิดโรคที่ไม่รุนแรง แต่นักวิจัยไม่สามารถแน่ใจได้ว่ามันจะไม่อันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งในอดีตมีการติดเชื้อไวรัสนี้เกิดขึ้นในกลุ่มคนจำนวนน้อยเท่านั้น
แต่ไวรัสนี้อาจเพิ่มปริมาณในสุกรและเราอาจมีไวรัสในสิ่งแวดล้อมหนาแน่นขึ้นและอาจมีกรณีการติดเชื้อของมนุษย์เกิดขึ้นเยอะก็เป็นได้
ที่มา - reuters.com
ศูนย์วิจัยอณูการแพทย์ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย (CeMM) ได้ประกาศการค้นพบเซ็นเซอร์ขนาดจิ๋วชนิดใหม่ในเซลล์มนุษย์ที่สามารถจดจำไวรัสที่ติดเชื้อและส่งสัญญาณเตือนไปยังร่างกาย งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ลงวารสาร Nature Immunology โปรตีนที่ค้นพบใหม่นี้มีชื่อว่า AIM2 ซึ่งมีหน้าที่ตรวจตราในเซลล์ภูมิคุ้มกันมนุษย์และเมื่อพบกับดีเอ็นเอที่น่าสงสัยที่มีความเป็นไปได้ที่จะมาจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่รุกราน ก็จะเกิดการกระตุ้นการหลั่งของโปรตีนสัญญาณ Interleukin-1 ซึ่งเป็นโมเลกุลเริ่มการอักเสบ (proinflammatory) มากระตุ้นสัญญาณต่อต้านการรุกรานทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของไข้และศูนย์กลางสื่อกลางของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ซึ่งการวิจัยนี้ได้จำแนกชิ้นส่วนกลางใหม่ของระบบป้องกันและต่อสู้เชื้อโรค นักวิจัยตื่นเต้นกับโมเลกุลนี้มาก ซึ่งช่วยให้เข้าใจว่าร่างกายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองการเริ่มต้นการติดเชื้อ ซึ่งอาจเร็วไปที่จะระบุแต่ในอนาคต AIM2 อาจนำไปสู่วิธีการขยายการปกป้องร่างกายของผู้ป่วยเมื่อต้องการในระหว่างการระบาดโรคอย่างรวดเร็วหรือการในขณะที่ภูมิคุ้มกันถูกกดไว้ ผลการศึกษาได้มาจากกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นระบบค้นหาโปรตีนมนุษย์ที่จับกับโมเลกุลของเชื้อโรค ซึ่งในกลุ่มวิจัยอีก 3 แห่งได้จำแนกโปรตีนเดียวกันนี้และตีพิมพ์ในวารสาร Nature และ Science คู่่กันไป ที่มา - sciencedaily.com เอกสารอ้างอิง - Nature Immunologyพบโปรตีนต่อต้านไวรัสใหม่ในมนุษย์
กูเกิลแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ของปี 2008
ตัวเลขที่น่าสนใจอื่นๆ ในงานแถลงนี้
เผื่อใครจะสนใจ ผมแปะสไลด์ของกูเกิลไว้ด้านในนะครับ
ที่มา - Google Investor Relations, TechCrucnh, New York Times
เมื่อปี 1998 รัฐสภาของสหรัฐฯ ได้ผ่านกฏหมาย COPA หรือ Child Online Protection Act ที่มีเนื้อหาระบุให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับเด็กทั้งหมดต้องทำการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าชมได้ ด้วยการใส่รหัสยืนยันอายุ
หลังการผ่านกฏมาย ก็เริ่มมีการต่อสู้เพื่อคว่ำกฏหมายฉบับนี้มาโดยตลอด เนื่องจากเชื่อกันว่าผิดต่อรัฐธรรมนูญข้อแรกของสหรัฐฯ ที่รักษาเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพียงแค่ปี 1999 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งหยุดบังคับใช้กฏหมายฉบับนี้ จากนั้นกฏหมายฉบับนี้ก็อยู่ในศาลมาโดยตลอดโดยไม่เคยถูกบังคับใช้อีกเลย จนกระทั่งเมื่อวานนี้เองที่ศาลฎีกาได้ออกมาพิพากษาให้กฏหมายฉบับนี้เป็นโมฆะอย่างเป็นทางการ
ทางสหภาพเพื่อเสรีภาพชาวอเมริกัน (ALCU - American Civil Liberties Union) ได้ประกาศชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ว่าเป็นชัยชนะที่ชัดเจนของสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
นับแต่ผ่านกฏหมายมา กฏหมายฉบับนี้ไม่เคยถูกนำไปใช้งานจริงแม้แต่ครั้งเดียว
ที่มา - PC World
ระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี นาย Tim Cook ตำแหน่ง COO ของแอปเปิลนั้นได้ออกมากล่าวเกี่ยวกับ Palm Pre อ้อม ๆ ว่า "เราจะไม่ยืนเฉยแน่ ในเมื่อมีคนมาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเรา"
จากคำพูดที่ว่านี้ ค่อนข้างชัดเจนว่านาย Cook ได้กล่าวถึง Palm และนาย Jon Rubinstein ผู้ใหญ่ของ Palm ที่เคยทำงานกับแอปเปิลมาก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวถึง Palm ตรง ๆ ก็ตาม ... "ผมไม่ได้พูดเจาะจงถึงบริษัทไหน"
แม้ว่า Palm และผู้พัฒนากลุ่มใหญ่ที่เคยทำงานกับแอปเปิล ที่ถูกชักชวนโดย Jon Rubinstein ยังไม่ประกาศวันเปิดตัวของ Palm Pre แต่ดูเหมือนว่าแอปเปิลคงไม่นิ่งนอนใจอย่างแน่นอน
Cook ยังได้บอกอีกว่า "เราจะใช้อาวุธทุกอย่างที่เรามี" หากแอปเปิลรู้สึกว่าทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีของไอโฟนถูกละเมิดจริง
ที่มา - C|net
จากคำให้สัมภาษณ์ของ Tim Cook ผู้บริหารของแอปเปิลที่ขู่คู่แข่งว่าจะดำเนินการทางกฎหมายหากถูกละเมิดลิขสิทธิ์ (จริงๆ ก็ไม่ได้ระบุชื่อแต่ฟังแล้วก็รู้แน่ว่าคือปาล์ม) ที่ผ่านมา (ข่าวเก่าโดยคุณ infernohellion: แอปเปิลขู่ Palm Pre จะไม่ยืนเฉย หากโดนละเมิดสิทธิ) วันนี้ปาล์มก็ออกมาให้สัมภาษณ์โต้กลับแล้วครับ คุณ Lynn Fox ซึ่งเป็นผู้แทนจากบริษัทปาล์ม ได้ให้สัมภาษณ์กับ All Things Digital ว่า สงครามน้ำลายนี้ท่าทางจะไม่จบง่ายๆ แฮะ เอ้า.. สาวกปาล์มมาเชียร์กันหน่อย ที่มา: All Things Digital via Engadgetปาล์มโต้แอปเปิล: ถ้าฟ้องเราก็มีหลักฐานพอเหมือนกัน
บริษัทปาล์มเองก็มีผลงานที่เป็นนวัตกรรมมานานแล้ว ซึ่งสามารถดูได้จากสิทธิบัตรที่บริษัทเคยจดเอาไว้ นอกจากนี้ทุกคนในวงการก็ทราบดีว่าปาล์มมีสิทธิบัตรพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย และถ้าปาล์มจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายแล้ว เรามั่นใจว่าเราก็มีเครื่องมือเพียงพอเหมือนกันที่จะปกป้องตัวเราเอง