ฮาร์ดดิสก์ในเร็ววันนี้ แต่มันก็จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการใช้งาน ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง James Morris ขออธิบายให้เราฟัง
ฮาร์ดดิสก์ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรามา นานเกินกว่าที่ คุณจะนึกภาพออก การนำเอาวัสดุมาใช้เป็นวัตถุดิบครั้งแรกนั้นเริ่มต้นในช่วงยุค 1950 และรูปแบบ IBM Winchester ซึ่งเป็นรูปแบบที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ได้กำเนิดขึ้นในปี 1973 นับตั้งแต่วันนั้นเกจิอาจารย์ทั้งหลายได้ทำนายวันสิ้นชะตาของฮาร์ดดิสก์อยู่ หลายครั้ง ด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนหน่วยความจำแบบแฟลช (Flash memory) ในอุปกรณ์แบบพกพาทั้งหลาย ซึ่งทำให้มีราคาถูกลงกว่าเดิม เป็นเรื่องที่คาดการณ์กันไว้ว่าแหล่งเก็บข้อมูลแบบ Solid State Disk (SSD) จะมาแทนที่แหล่งเก็บข้อมูลแบบจักรกล-กลไกในเร็ววันนี้แน่นอน แต่ในขณะที่เรายังไม่พบสัญญาณใดๆ ส่อถึงเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น มีเทคโนโลยีแบบใหม่กำลังก่อตัวอยู่ ซึ่งเป็นการใช้หน่วยความจำแบบแฟลชเป็นอุปกรณ์สำคัญชิ้นหนึ่งในการเก็บข้อมูล ของเครื่องพีซี
![]() |
Samsung และ Seagate ได้ออกไดรฟ์ลูกผสมมาแล้ว ซึ่งมีหน่วยความจำแบบแฟลชติดตั้งเป็นบัฟเฟอร์ลงไปบนฮาร์ดดิสก์มาตรฐาน |
เทคโนโลยี ของฮาร์ดดิสก์ถูกหลอกหลอนด้วยปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Superparamagnetic ซึ่งเป็นสิ่งที่มากำหนดขนาดของอณูหรือขั้วอำนาจแม่เหล็กบนพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ นั้นๆ เมื่อขนาดดังกล่าวเล็กลงกว่าที่มันควรจะเป็น อุณหภูมิจะเพิ่มมากขึ้นจนสามารถเบี่ยงเบนขั้วแม่เหล็กบนจานดิสก์ให้ผิดไปได้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฮาร์ดดิสก์นั้นเกิดความไร้เสถียรภาพ เมื่อวันเวลาผ่านไป ปรากฏการณ์ Superparamagnetic ก็ชะลอตัวลงเนื่องจากการพัฒนาวิธีการอ่านเขียนข้อมูลในแนวดิ่ง (perpendicular) ซึ่งเอื้อให้ขนาดของอณูอำนาจแม่เหล็กนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นและใส่บนไปบนพื้นผิว ของฮาร์ดดิสก์ในแนวตั้ง หากเป็นการอ่านเขียนข้อมูลในแนวนอนธรรมดา อณูจะวางเรียงตัวกันไปในแนวนั้น ซึ่งกินพื้นที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้ว การอ่านเขียนในแนวดิ่งเป็นเพียงแค่วิธีการเยื้อวันตายของฮาร์ดดิสก์ไปเท่า นั้นเอง
หน่วยความจำแบบแฟลชนั้นใช้พลังงานน้อยกว่าจานดิสก์ แบบกลไก ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว 5K160 ของ Hitachi สิ้นพลังงานเพียงแค่ 1.8W ขณะอ่านและเขียน และ 0.8W ขณะที่ไม่ได้ทำงานใดๆ ในทางกลับกัน ไดรฟ์แบบ SSD ของ Samsung ซึ่งใช้หน่วยความจำแฟลชใช้กำลังไฟเพียงแค่ 0.5W สำหรับการอ่านและเขียน และสุดแสนเล็กน้อยจนแทบจะมาตรมิได้เพียง 0.01W ขณะที่ไม่ได้ทำงานใดๆ
![]() | รู้จักกับ เทคโนโลยี Robson ของ Intel จับเอาหน่วยความจำแบบแฟลชเชื่อมตรงกับเมนบอร์ด ผ่านสล็อต PCI Express ตรงไปส่วนชิปเซต Southbridge |
นอก เหนือไปจากนั้น หน่วยความจำแบบแฟลชใช้เวลาการเข้าถึงข้อมูลน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์ Western Digital Raptor X ความเร็ว 10,000rpm ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์ SATA ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันนี้ ใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลราวๆ 8ms แต่หน่วยความจำแบบแฟลชใช้เวลาการเข้าถึงข้อมูลต่ำกว่า 100 ไมโครวินาที ซึ่งเร็วกว่าราวๆ 100 เท่าตัว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ฮาร์ดดิสก์แบบแฟลชนั้นให้ความเร็วในการใช้งานทั่วไปอย่างน้อยก็เร็วกกว่า ฮาร์ดดิสก์แบบธรรมดาถึง 25-50%
ข้อเสียของหน่วยความจำแบบแฟลชก็คือ ความจุข้อมูลยังคงน้อยอยู่ในเวลานี้ และมันก็มีราคาแพงเป็นอย่างมาก ไดรฟ์แบบ SSD ที่มีวางขายอยู่ในเวลานี้ก็คือ PQI ขนาด 2.5 นิ้ว DiskOnModule ความจุ 64GB ไดรฟ์ SSD ส่วนใหญ่นั้นมีความจุ 32GB หรือน้อยกว่า ด้วยราคา 93,500 บาท ซึ่งแพงกว่าฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กในความจุเท่าๆ กันถึง 25 เท่าตัว ไดรฟ์ SSD ยังคงไม่สามารถเอาชนะฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กได้ในเรื่องความเร็วการส่ง ข้อมูล Samsung กล่าวว่าไดรฟ์ SSD ของพวกเขานั้นให้ความเร็ว 57MB/วินาที ซึ่งก็แค่เร็วพอๆ กับฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วสำหรับโน้ตบุ๊ค แต่ช้ากว่าฮาร์ดดิสก์ SATA ขนาด 3.5 นิ้ว 7,200rpm ทั่วไปถึง 10MB/วินาที อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการเขียนข้อมูลยิ่งแย่กว่า เพียง 32MB/วินาที
จับใส่ให้ลงตัว
ไดรฟ์ แบบ SSD มีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบกลไก ซึ่งทำให้เกิดแนวคิดแบบใหม่ขึ้นมาว่า ทำไมเราไม่ใช้ทั้งสองแบบในเวลาเดียวกันล่ะ Samsung เป็นบริษัทรายแรกที่แถลงแนวคิดดังกล่าวและได้อธิบายเรื่องราวของ Hybrid Hard Disk (HHD) เมื่อปีที่แล้ว วิธีการก็คือการจับใช้หน่วยความจำแฟลช Samsung OneNAND 128MB ลงไปบนฮาร์ดดิสก์แบบปกติ หน่วยความจำแฟลชนั้นถูกใช้เป็นบัฟเฟอร์ เอาไว้ใช้เก็บข้อมูลสำหรับเขียนลงดิสก์จนกว่ามันจะเต็ม และจากนั้นข้อมูลก็จะถูกเขียนลงฮาร์ดดิสก์ ด้วยวิธีการเช่นนี้ ณ ความเร็วสูง ฮาร์ดดิสก์สามารถอยู่ในสถานะไม่ทำงานใดๆ หรือ Sleep Mode ได้นานมากขึ้นกว่าเดิม Samsung อ้างว่าสิ่งนี้จะช่วยลดการบริโภคพลังงานลงราวๆ 9% ทางด้าน Seagate Momentus 5400 PSD ก็ใช้หลักการคล้ายๆ กัน แต่ว่ามีจำนวนหน่วยความจำแฟลชมากกว่าถึงสองเท่า (256MB) Seagate ใส่ความจำมากกว่าซึ่งทำให้การบริโภคพลังงานน้อยลงกว่าเป็นเท่าตัว
เมื่อ หน่วยความจำแบบแฟลชสามารถเก็บข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้พลังงาน มันจึงเป็นแหล่งที่ดีสำหรับการเก็บไฟล์ Hibernation (คือโหมดปิดเครื่องลักษณะหนึ่ง) Seagate แจ้งว่าเทคโนโลยีของพวกเขาสามารถทำให้เครื่องกลับมาสู่สถานะการทำงานปกติ ด้วยความเร็วมากกว่าเดิม 20% การใช้หน่วยความจำแฟลชเป็นบัฟเฟอร์สามารถยืดอายุการใช้งานของไดรฟ์ได้ เพราะโดยปกติแล้วอายุการใช้งานของฮาร์ดดิสก์จะถูกนับด้วยจำนวนชั่วโมงการใช้ งานสูงสุดที่ทำได้ (Mean time before failure)
![]() |
Samsung ได้สร้างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ Solid State ซึ่งใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ที่มีความจุสูงถึง 32GB |
บาง ทีรูปแบบของแนวคิดลูกผสมดังกล่าวอีกอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ในทาง ปฏิบัติมากกว่าใครอื่นก็คือแนวคิดจาก Intel ที่เรียกว่า Robson แทนที่จะต้องมุ่งพึ่งพาการใช้ฮาร์ดดิสก์หรือหน่วยความจำแฟลชของบริษัทอื่นใด มาร่วมทำงานด้วยกัน Robson ใช้การจัดวางลงไปตรงๆ บนเมนบอร์ดเลย เชื่อมต่อกับส่วน Southbridge ผ่าน PCI Express ด้วยวิธีเช่นนั้น ฮาร์ดดิสก์ใดๆ ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความเข้ากันได้ของอุปกรณ์
ประโยชน์ ของ ReadyDrive ก็คือเรื่องของการบริโภคพลังงาน ดังนั้นมันก็จะมุ่งไปที่ตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา แต่ด้วยระบบ ReadyBoost พร้อมความจุ 4GB ให้ใช้กันแล้วในวันนี้ แนวคิดลูกผสมดังกล่าวก็ดูเหมือนว่าจะนิรนัยให้ประจักษ์แล้วว่าเครื่องเดสก์ ท็อปก็รับอานิสงส์ด้วยไม่ต่างกัน ดังนั้น กว่า SSD จะมาแทนที่ HDD นั้นคงต้องถูกทำนายว่าเป็นเวลาอีกยาวนั้น และที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือการเข้ามามีส่วนร่วมกับวิถีใช้งานสามัญของเรา ด้วยกายลักษณ์ในบริบทที่ล้ำกว่าที่เราคิดไว้ตอนแรก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น